ความเป็นครูของพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นครูของผสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า พระองค์สอนให้รู้จักพอเพียง พึ่งพาตนเองไม่เบียดเบียนผู้อื่น ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน พระองค์สอนเราจากประสบการณ์ตรงของพระองค์ที่มีความห่วงใยต่อผสกนิกร เปรียบเสมือนพระองค์ คือ ครูของแผ่นดินที่ทรงสละความสบายเพื่อมาช่วยเหลือพวกเรา แต่ที่พระองค์สอนแปลกไปจากครูคนอื่น คือ พระองค์จะถ่ายทอดออกมาจากจิตใจที่เปี่ยมล้นไปด้วยความเมตตากรุณาและการปฎิบัติจริง พระองค์คอยรับสั่งอยู่ตลอดเวลาว่าคนที่จะมาทำหน้าที่ครูจะต้องพยายามจูงใจลูกศิษย์ให้มาสนใจและรับการถ่ายทอดจากครูด้วยความเต็มใจ และสอนให้ศิษย์ประพฤตนเป็นคนดีและรู้จักช่วยเหลือผู้อื่น
2.ถ้าท่านเป็นครูผู้สอนท่านจะนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์กับการเรียนการสอนได้อย่างไร
ข้าพเจ้าจะนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนโดยการนำความรู้ที่เกี่ยวกับหลักเศรษฐกิจพอเพียง หลักการใช้เหตุผลใช้ปัญญาเป็นเครื่องนำทางในการใช้ชีวิต การแก้ปัญหา และการรู้จักช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราควรปลูกฝังให้แก่นักเรียน
3.ในฐานะที่นักศึกษาจะเป็นครูในอนาคตจะออกแบบการเรียนการสอนที่ที่จะนำแนวคิดนี้ไปใช้ได้อย่างไร
ออกแบบการเรียนการสอนโดยนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ คือ ต้องให้นักเรียนเข้าใจว่าหลักเศรษฐกิจพอเพียง ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของทางสายกลางและความไม่ประมาท โดยคำนึงถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว ตลอดจนใช้ความรู้ความรอบคอบ และคุณธรรม ประกอบการวางแผน การตัดสินใจและการกระทำ2.บทความเรื่อง วิถีแห่งสตีฟ จ๊อบ (วารสาร
ศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวรอ่านหน้าที่
125-128)
1.ข้อสรุปที่ได้จากบทความ
สตีฟ จ๊อบส์ คือ เป็นคนมีความพากเพียรพยายาม ขยัน และตั้งใจที่จะทำสิ่งที่คาดหวังให้บรรลเป้าหมาย เค้าอาจเป็นคนที่มีการศึกษาไม่สูงนักแต่ฉลาดและน่าสนใจเขาได้คิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่สร้างขึ้นจากมันสมองอัญชาญฉลาดของเขาสิ่งที่สร้างนั้นก็ไม่ได้เกิดขึ้นมาจากปาฏิหาริย์ แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากมันสมองและสองมือของมนุษย์ที่ผ่านกระบวนการ“ฝึก ศึกษา พัฒนา และใช้ปัญญา” กว่าเขาจะมาถึงวันนี้เข้าต้องฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆๆมากมายแต่ก็สามารถพ้นผ่านมาได้จนได้ จนกลายเป็นผู้คิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆอย่างคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
2.ถ้าท่านเป็นครูผู้สอนท่านจะนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์กับการเรียนการสอนได้อย่างไร
ข้าพเจ้าจะนำความรู้ที่มีทั้งหมดนำไปถ่ายทอดให้แก่ลูกศิษย์โดยที่จะไม่หวงวิชา โดยใช้การสอนที่ทำให้นักเรียนทุกคนแสดงความสามารถของแต่ละคนออกมาให้ได้และทำให้เขารู้ว่าเขามีความถนัดด้านใด
ก่อนที่จะสอนจะสอบถามถึงความชอบและถนัดในวิชาที่เรียนและนักเรียนเสนอแนวคิดและสิ่งที่จะเรียนที่แตกต่างกันออกไปแล้วนำมาประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอน และจะรักศิษย์ทุกๆคนเท่ากันไม่ว่าเขาจะเรียนเก่งหรือไม่เก่งก็ตามและจะคอยให้คำปรึกษาเวลานักเรียนมีปัญหาต่างๆ
1.ค้นคว้าหาข้อมูลเรื่องความสามัคคี
2.เรียบเรียงข้อมูลความสามัคคีที่จะนำมาสอน
3.เขียนจุดประสงค์การสอน
4.นำข้อมูลมาทำสื่อเรียนการสอน เช่น PowerPoint ใบความรู้แจกนักเรียน เป็นต้น
5.ทำ Mind Map เรื่องความสามัคคี
การสอน
1.นำเสนอสื่อการสอน PowerPoint เรื่องความสามัคคี
2.แจกใบความรู้นักเรียนเรื่องความสามัคคี
3.ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มกันแล้วให้สรุปสิ่งที่ได้รับแล้วให้ทำ Mind Map เรื่องความ สามัคคี
4.นักเรียนนำเสนอ Mind Map เรื่องความสามัคคี หน้าชั้นเรียน
5.เมื่อนำเสนอเสร็จก็ให้บันทึกสิ่งที่ได้รับใบความรู้เรื่องความสามัคคี ที่แจกให้
6. ให้คะแนนความสามัคคีภายในกลุ่มจากการสังเกตของครูในแต่ละกลุ่ม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น